The WWF is run at a local level by the following offices...
- WWF Global
- Adria
- Argentina
- Armenia
- AsiaPacific
- Australia
- Austria
- Azerbaijan
- Belgium
- Bhutan
- Bolivia
- Borneo
- Brazil
- Bulgaria
- Cambodia
- Cameroon
- Canada
- Caucasus
- Central African Republic
- Central America
- Chile
- China
- Colombia
- Croatia
- Democratic Republic of the Congo
- Denmark
- Ecuador
- European Policy Office
- Finland
Our News
วันเสือโคร่งโลก 2564 ประชากรเสือโคร่งในเอเชียยังน่าห่วง
ความเคลื่อนไหว วันเสือโคร่งโลก ปี 2564
กว่า 25 ปีแล้วที่มีงานวิจัยระบุว่า เสือโคร่งสูญพันธุ์ไปจากกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม และยังคงลดจำนวนลงในมาเลเซีย สาธารณรัฐเมียนมา ซึ่งพบจำนวนไม่มากนักในประเทศไทย
“ประชากรเสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดจำนวนลงจนเป็นที่น่าเป็นห่วง แม้ทั่วโลกจะมีการทำข้อตกลงในการอนุรักษ์ เพื่อฟื้นฟูจำนวนประชากรของสัตว์ผู้ล่าตระกูลแมวใหญ่นี้ร่วมกันตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สายเกินไป แต่เป็นภารกิจเร่งด่วนที่แต่ละภาคส่วนจะร่วมกันจัดสรรทรัพยากร และสรรพกำลังเพื่อช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ที่เป็นเหมือนอัตลักษณ์ของภูมิภาคนี้” สจ๊วต แชปแมน หัวหน้าโครงการอนุรักษ์เสือโคร่ง Tiger’s Alive Initiative จากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF กล่าว
“ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย เนปาล และประเทศทางตอนเหรือของเอเชียยุโรป อย่างรัสเซีย สามารถประกาศความสำเร็จของการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งได้ โดยมีแนวโน้มประชากรเสือโคร่งที่เพิ่มขึ้น และในบางพื้นที่ประชากรสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาไม่นาน ส่วนหนึ่งเกิดจากการเชื่อมต่อของผืนป่าหรือถิ่นอาศัย การมีประชากรเหยื่อที่เพียงพอ และการปกป้องเสือจากการถูกล่า ซึ่งทำให้ตัวเลขจำนวนเสือโคร่งเพิ่มขึ้นได้”
การวางกับดักของพรานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยคุกคามหลักต่อเสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากรายงานของ WWF พบว่ามีจำนวนกับดักพรานมากกว่า 12 ล้านชิ้นในป่าอนุรักษ์ ทั้งในกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศที่เสือโคร่งได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณต่อประเทศที่ยังมีเสือโคร่งอาศัยอยู่ตามธรรมชาติให้เฝ้าระวัง และเดินหน้าโครงการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยคุกคามด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยจากการพัฒนาของระบบสาธารณูปโภค การตัดไม้ผิดกฎหมาย และการขยายพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงปัจจัยคุกคามด้านการค้าเสือโคร่งและชิ้นส่วนของเสือโคร่งที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งนี้มีข้อมูลระบุว่ามีการตรวจยึดเสือโคร่งได้ทั้งหมด 1,004 ตัว ระหว่างปี พ.ศ.2543 – 2561 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ามีเสือโคร่งในกรงเลี้ยงประมาณ 8,000 ตัวในประเทศจีน ลาว ไทย และเวียดนาม ซึ่งกลไกทางกฎหมายในการจัดการเสือโคร่งในกรงเลี้ยงยังมีช่องโหว่ และควรมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อไม่ให้กรณีของการเลี้ยงเสือในกรงไปกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่ง
แม้ว่าเสือโคร่งจะมีประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์เสือโคร่ง อาทิ การระดมอาสาสมัครชนพื้นเมืองและสมาชิกในชุมชนเพื่อร่วมกันลาดตระเวนในการป้องปรามการล่าเสือโคร่งของพรานป่า ที่เกิดขึ้นในกลุ่มป่าเบลุม เทเมนกอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งสามารถเก็บกู้บ่วงและกับดักสัตว์ป่าได้มากถึง 94% นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 เป็นต้นมา และการกระจายพันธุ์ของเสือโคร่งจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งไปยังพื้นที่ป่าใกล้เคียง เช่น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นต้น ถือเป็นความสำเร็จของการมีผืนป่าขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน ตลอดจนมีระบบงานป้องกันและการจัดการพื้นที่ที่เข้มแข็ง
"ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และองค์กรเอกชน ภาคธุรกิจ และชุมชน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การล่าสัตว์ในกลุ่มป่าเบลุม เทเมนกอร์ ลดลง ซึ่งเราจะต้องขยายกลุ่มพลังในการทำงานร่วมกันนี้ให้เกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงการทำงานระดับนโยบายและการหาแหล่งทุนในการสนับสนุนงานอนุรักษ์เข้ามาด้วย” โซเฟีย ลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WWF มาเลเซียกล่าว
ในส่วนของประเทศไทย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงเนื่องในวันเสือโคร่งโลกปี พ.ศ.2564 ว่า ประเทศไทยพบเสือโคร่งสายพันธุ์อินโดจีนในผืนป่าของประเทศทั้งหมดระหว่าง 145-177 ตัว โดยเป็นการสำรวจผ่านการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ของเสือโคร่งผ่านกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ทำงานอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งในผืนป่าตะวันตกตอนบนของ WWF ประเทศไทย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีการสำรวจพบเสือโคร่งอาศัยอยู่ประมาณ 13 - 17 ตัว ในขณะที่พื้นที่ป่าตะวันตกตอนล่าง ซึ่งรวมถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น คาดว่ามีเสือโคร่งอาศัยอยู่ราว 11 ตัว
“การฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการบรรเทาปัญหาสภาพภูมิอากาศ ปกป้องแหล่งน้ำ และลดทอนอันตรายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ รวมถึงยังทำให้คุณภาพชีวิตของชุมชนดียิ่งขึ้นด้วย” ผู้บริหาร WWF กล่าว
อนึ่ง รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกันจัดทำแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง ซึ่งจะมีการนำเสนอในการประชุมสุดยอดผู้นำระดับประเทศด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง (Asia Ministerial Conference on Tiger Conservation) ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะมีการประชุมและการหารือกันในหลายมิติ เช่น แผนการขยายงบประมาณเพื่อดูแลพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนงบประมาณสำหรับผู้พิทักษ์ป่า และการตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้นำของประเทศต่าง ๆ เพื่อวางแผนอนุรักษ์ประชากรเสือโคร่ง รวมถึงโครงการนำเสือโคร่งกลับบ้านในหลายประเทศที่เสือโคร่งสูญพันธุ์ไปแล้ว และร่วมกันออกแบบแนวทางเฝ้าระวังกลไกการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย เป็นต้น
© WWF Greater Mekong Programme